กากอ้อยในลาว: จากของเหลือสู่พลังงานและผลิตภัณฑ์ใหม่
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กากอ้อย หรือเศษเหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาล กำลังได้รับความสนใจในฐานะวัตถุดิบแห่งอนาคตของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเฉพาะใน สปป. ลาว ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยกระจายอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่แขวงจำปาสัก สาละวัน คำม่วน และบอลิคำไซ การใช้ประโยชน์จากกากอ้อยไม่เพียงช่วยลดของเสียจากภาคเกษตรกรรม แต่ยังสร้างรายได้เสริมและพลังงานสะอาดให้กับชุมชนในเวลาเดียวกัน
โรงงานน้ำตาลในแขวงสะหวันนะเขตและจำปาสักหลายแห่งได้เริ่มนำกากอ้อย ซึ่งเป็นเส้นใยที่เหลือภายหลังจาก
สกัดน้ำตาล มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในรูปแบบพลังงานชีวมวล โดยใช้หม้อไอน้ำความดันสูงแปลงกากอ้อยเป็นไอน้ำเพื่อใช้หมุนเครื่องกังหันไฟฟ้า ผลลัพธ์คือสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ได้เองภายในโรงงาน และยังมีพลังงานส่วนเกินจำหน่ายกลับเข้าสู่ระบบไฟฟ้าแห่งชาติของลาวได้อีกด้วย ถือเป็นการใช้วัตถุดิบให้ครบวงจรโดยแท้จริง
หนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือ โรงงานน้ำตาล Hoang Anh และโรงงานน้ำตาลมิตรลาว ซึ่งได้พัฒนาโรงไฟฟ้า
ชีวมวล โดยใช้กากอ้อยจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาเป็นเชื้อเพลิง ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานและจำหน่ายเข้าสู่ระบบไฟฟ้าแห่งชาติลาว ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเหลือทิ้งทางการเกษตรได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากผลิตพลังงานแล้ว กากอ้อยยังสามารถนำมาใช้ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้หลากหลาย เช่น
การผลิตกระดาษเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาชนะย่อยสลายได้ และวัสดุก่อสร้างเบา (biocomposite) ที่เริ่มมี
การวิจัยและพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ร่วมกับนักลงทุนเอกชนจากไทยและญี่ปุ่น การเปลี่ยนของเหลือ
ให้กลายเป็นของมีค่า จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป นอกจากอ้อยแล้ว ลาวยังมีพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ
ด้านพลังงานชีวมวล เช่น ซังข้าวโพด แกลบ และเศษไม้จากสวนยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีอยู่มากใน
แขวงสะหวันนะเขตและแขวงบอลิคำไซ ปัจจุบันได้เริ่มนำของเหลือเหล่านี้มาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด
เพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมและส่งออกไปยังไทยและเวียดนาม โครงการดังกล่าวช่วยสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรในช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูก และช่วยลดการเผาในที่โล่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของมลพิษทางอากาศในภูมิภาค
แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนา สปป.ลาวในระยะยาว เพราะไม่เพียงเป็นแนวทางจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น
ที่ยั่งยืน เมื่อของเหลือจากอุตสาหกรรมหนึ่งถูกนำกลับมาใช้ในอีกอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น กากอ้อยจากโรงงานน้ำตาลกลายเป็นพลังงานให้ชุมชน หรือแกลบจากโรงสีข้าวถูกนำมาผลิตเป็นวัสดุก่อสร้าง ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศแทนการพึ่งพาการนำเข้า ทั้งยังช่วยให้ลาวก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และลด
การปล่อยคาร์บอนในระยะยาวได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในมุมของชุมชน เกษตรกรที่ส่งอ้อยให้โรงงานสามารถได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการขายกากอ้อย
กลับให้โรงงาน หรือนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้ในไร่ของตนเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืน ขณะเดียวกันรัฐบาลลาวก็มุ่งส่งเสริมโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กในระดับท้องถิ่น โดยมีแผน
จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในโครงสร้างพลังงานของประเทศให้ได้มากกว่าร้อยละ 11 ภายในปี พ.ศ. 2573
ข้อมูลอ้างอิง - ASEAN Strategy on Sustainable Biomass Energy for Agriculture Communities and Rural Development in 2020-2030, https://asean.org/wp-content/uploads/2021/12/FAFD-53.-Biomass-Energy-Strategy-ASEAN-2020-2030-Final-Draft-210820.pdf
- Research development of biofuels potential in Lao PDR, https://iopscience.iop.org/article/10.1088/1755-1315/170/4/042018/pdf
10/24/2025