ความต้องการไฟฟ้าภายใน สปป. ลาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของประชากรและโรงงานอุตสาหกรรม ในปี 2562 สปป. ลาวต้องการไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในประเทศจำนวน 1,222 เมกกะวัตต์ และคาดว่าในช่วงปี 2563 – 2568 ความต้องการไฟฟ้าของ สปป. ลาวจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 เมกกะวัตต์ ดังนั้น กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป. ลาวจึงร่วมกับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาววางแผนการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ ทั้งภายในครัวเรือน เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตเศรษฐกิจเฉพาะ เขตอุตสาหกรรม ทางรถไฟ ทางด่วน และเขตอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมแปรรูปทั่วประเทศ นอกจากนี้ สปป. ลาวมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน เช่น ไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา และส่งออกไปมาเลเซียและสิงคโปร์ผ่านระบบ สายส่งร่วมกัน ซึ่งการเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้านของ สปป. ลาวมีความสำคัญในการส่งออกไฟฟ้า โดย สปป. ลาวเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มการส่งไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งร่วมกันในอาเซียน
ตามแผนธุรกิจของ ADB Country Operations Business Plan ปี 2563 - 2565 สถาบันการเงิน ระหว่างประเทศในกรุงมะนิลาพร้อมสนับสนุนเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนจำนวน 322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2565 สำหรับ สปป. ลาวดำเนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาภาคเอกชน และทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมการจ้างงานและสร้างรายได้ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมความเสมอภาพทางเพศ และธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยให้ สปป. ลาวบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2563 คณะคุ้มครองโครงการทางรถไฟลาว – จีนได้จัดการประชุมสรุปผลการดำเนิน โครงการก่อสร้างทางรถไฟลาว – จีนปี 2562 และวางแผนการดำเนินงานในปี 2563 โดยมีนายคำเปี่ยน อินทะลือซา รองหัวหน้าคณะคุ้มครองโครงการทางรถไฟลาว – จีน เป็นประธาน โดยมีนาย Ju Guojiang ประธานสภาบริหาร บริษัท เส้นทางรถไฟลาว – จีน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2563 นายสอนไซ สิดพะไซ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป. ลาว และนาย Yi Gang ผู้ว่าการ ธนาคารประชาชนจีน ร่วมลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นระหว่างธนาคารแห่ง สปป. ลาวกับธนาคารประชาชนจีน โดยมีนายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน ในช่วงการเยือนจีน อย่างเป็นทางการของนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ระหว่างวันที่ 5 – 9 ม.ค. 2563
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2563 นายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป. ลาว ดร. บุนจัน สินทะวง รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป. ลาว นายคำขัน จันทะวีสุก เจ้าแขวงหลวงพระบาง นายยันยง สีปะเสิด รองเจ้าแขวงไซยะบูลี ดร. กิแก้ว จันทะบูลี รองรัฐมนตรีกระทรวงแผนการและการลงทุน สปป. ลาว พร้อมด้วยนายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีส่งมอบและเปิดใช้โครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา - บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพ็ด แขวงหลวงพระบาง) ณ แขวงหลวงพระบาง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2562 นายทองพัด อินทะวง รองรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป. ลาว นาย Jiang Zaidong เอกอัครราชทูตจีนประจำ สปป. ลาว นาย Chen Yunpeng รองประธานบริษัท China Southern Power Grid (CSG) นายบุนอุ้ม สีวันพัง ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว และนาย Ding Xingzhong ผู้อำนวยการ Yunnan Energy Bureau ได้ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการสายส่งไฟฟ้าไปยังทางรถไฟลาว - จีน ณ สถานีไฟฟ้า โคกสะอาด นครหลวงเวียงจันทน์ โดยจะติดตั้งสายส่งไฟฟ้าขนาด 115 กิโลโวลต์ จำนวน 20 สายส่ง รวม 268 กม. และจะขยาย 11 สายส่งใน 10 สถานีย่อย เพื่อส่งไฟฟ้าจากสายส่งของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวไปยัง 10 เสาย่อยของทางรถไฟ โดยผ่าน 5 แขวง ได้แก่ แขวงหลวงน้ำทา อุดมไซ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และนครหลวงเวียงจันทน์ โดยได้เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือน ธ.ค. 2562 และจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มี.ค. 2564 เพื่อให้ทันตามกำหนดการก่อสร้างทางรถไฟลาว – จีนที่จะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2564
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2562 กลุ่มบริษัทพลังงานไฟฟ้าจีนได้จัดพิธีเฉลิมฉลองผลสำเร็จการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องผลิตไฟฟ้าเครื่องที่ 1 ของโครงการเขื่อนไฟฟ้าน้ำอู (ระยะที่ 2) แขวงพงสาลี โดยมี ดร. คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป. ลาว นาย Jiang Zaidong เอกอัครราชทูตจีนประจำ สปป. ลาว นาย Li Yanming รองผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทพลังงานไฟฟ้าจีน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว ออกคำสั่งเลขที่ 1848/อค.กอห. ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2562 ยกเลิกขั้นตอนการออกใบรับรองการนำเข้าชิ้นส่วนยานพาหนะเพื่อมาผลิตและประกอบยานพาหนะที่โรงงานใน สปป. ลาว เพื่ออำนวยความสะดวกการนำเข้าและส่งออก การเคลื่อนย้ายสินค้าใน สปป. ลาว และลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจให้กับภาคเอกชน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เลขที่ 02/นย. ลงวันที่ 1 ก.พ. 2561 ว่าด้วยการปรับปรุงระเบียบและกลไกการประสานงานในการดำเนินธุรกิจใน สปป. ลาว และคำสั่งนายกรัฐมนตรี เลขที่ 12/นย. ลงวันที่ 16 ต.ค. 2562 ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกให้กับการนำเข้าและส่งออก การนำเข้าชั่วคราว การผ่านแดน และการเคลื่อนย้ายสินค้าใน สปป. ลาว
ในปี 2562 เศรษฐกิจ สปป. ลาวขยายตัวเพียงร้อยละ 6.4 (คาดการณ์ไว้ร้อยละ 6.7) และรายได้เฉลี่ยต่อคน 2,677 ดอลลาร์สหรัฐ (คาดการณ์ไว้ 2,726 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยสาเหตุสำคัญมาจากการเกิดภัยธรรมชาติ โรคระบาด และภัยแล้ง นอกจากนี้ ด้านการผลิตภาคครัวเรือนยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและขาดความหลากหลายทำให้เศรษฐกิจลาวเติบโตช้ากว่าปี 2561 อย่างไรก็ดี ยังถือว่าเศรษฐกิจลาวปี 2562 ยังเติบโตในระดับที่ดีและมีคุณภาพกว่าเดิม ดุลรายได้และรายจ่ายภายในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น อัตราการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ลดลงจากประมาณร้อยละ 6 ในช่วงปี 2557 – 2559 มาอยู่ที่ร้อยละ 4 ในปี 2561 รายได้ภายในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 21,000 พันล้านกีบ (2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2559 เป็น 26,200 พันล้านกีบ (2.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2562 ปัจจุบันรัฐบาลสามารถชำระหนี้สินโครงการรัฐแล้ว 2,214.7 พันล้านกีบ (249 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการออกพันธบัตรเพื่อช่วยให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน และได้แต่งตั้งคณะเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบโครงการรัฐ เจรจาต่อรอง และแก้ไขหนี้สินแบบมีส่วนลดตามความเหมาะสมและยุติธรรม
เมื่อวันที่ 19 – 20 ธ.ค. 2562 นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ได้เป็นประธานการประชุมรัฐบาล ครั้งที่ 2