กฎระเบียบที่ควรรู้

Finlink ระบบปฏิบัติการเพื่อการจัดเก็บรายรับ และ เบิกรายจ่ายของรัฐบาล สปป. ลาว

แอปพลิเคชัน FINLINK เป็นระบบปฏิบัติการ เพื่อการจัดเก็บรายรับและการเบิกจ่ายแบบดิจิทัล ของรัฐบาลลาว 
เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ การเปลี่ยนแปลง สปป. ลาวสู่การบริหารจัดการภาครัฐ ที่ทันสมัย ผ่านการปฏิรูป 
ปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ และบริหารด้วยระบบที่ทันสมัยตาม แผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ สปป. ลาว ปี 2564-2568 

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร กระทรวงการเงิน และกรมคุ้มครอง
ระบบชำระสะสาง ธนาคารแห่ง สปป. ลาว และบริษัท เอไอเอฟ (AIF group) จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมพัฒนาระบบ 
ได้ลงนามความตกลงร่วมกันเพื่อสร้างระบบแอปพลิเคชันนี้ขึ้น 

การพัฒนาระบบและแอปพลิเคชันนี้จะช่วยให้การเบิกจ่ายงบประมาณ การจัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ
ทั้งหมดของรัฐ ผ่านผู้ให้บริการการชำระเงินต่าง ๆ มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อาทิ ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินทั่วไป
ที่ไม่ใช่ธนาคาร รวมถึงนิติบุคคล หรือ บริษัท ฟินเทค (Fintech) จำกัด ที่ให้บริการด้านการเงินและได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่ง 
สปป. ลาว ตามแผน โดยกระทรวงการเงินจะเป็นผู้พัฒนาร่วมกับ บ. AIF group และให้ธนาคาร แห่ง สปป. ลาว เป็นผู้ดูแลบริหารและ
ช่วยพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการใช้งานและการบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) 
และช่วยพัฒนาระบบของ สปป. ลาว เพื่อขับเคลื่อนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัลในอนาคตต่อไป 

ปัจจุบัน ระบบธนาคารพาณิชย์ใน สปป. ลาวที่สามารถรองรับการให้บริการชำระสินค้าและชำระหนี้ผ่านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 
ประกอบด้วย (1) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน จำกัด (2) ธนาคารเพื่อการลงทุนและการค้า จำกัด (3) ธนาคาร ร่วมพัฒนา จำกัด 
(4) ธนาคาร ส่งเสริมกสิกรรม จำกัด (5) ธนาคารร่วมธุรกิจ ลาว-เวียด จำกัด (6) ธนาคารอินโดจีน จำกัด (7) ธนาคารพัฒนาลาว จำกัด 
 (8) ธนาคารมารุฮาน เจแปนลาว จำกัด และ (9) ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด ซึ่งในระยะต่อไปการให้บริการจะเชื่อมโยงกับระบบ FINLINK 
เพื่อให้สามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีต่าง ๆ ของภาครัฐได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

กระทรวงการเงินได้เริ่มทดลองใช้และจัดฝึกอบรมการใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์และการชำระค่าบริการ ให้แก่เจ้าหน้าภาครัฐและเอกชนบางส่วนแล้ว 
อาทิ เจ้าหน้าภาษี กระทรวงการเงิน บริษัท และผู้ให้บริการแจ้งภาษี นำเข้า-ส่งออก ผ่านระบบ National Single Window A+: NSWA+ 
 ที่พัฒนามาจากระบบ Lao National Single Window: LNSW และระบบแจ้งภาษี Automated System for Customs Data ASYCUDA 
เข้าเป็นระบบเดียวกัน ผ่านระบบปฏิบัติการของแอพลิเคชัน FINLINK โดยแขวงที่สามารถเริ่มทดลองใช้งานระบบนี้ ประกอบด้วย 
(1) แขวงหลวงน้ำทา (2) นครหลวงเวียงจันทน์ (3) แขวงคำม่วน (4) แขวงสะหวันนะเขต และ (5) แขวงจำปาสัก และภายในปี 2566 
จะเพิ่มการทดลองใช้งานในแขวง (1) แขวงพงสาลี (2) แขวงบ่อแก้ว (3) แขวงไซยะบูลี (4) แขวงหัวพัน (5) แขวงเชียงขวาง 
(6) แขวงบอลิคำไซ และ (7) แขวงอัดตะปือ 

การพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่น FINLINK เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของกระทรวงการเงินที่ต้องการพัฒนา ระบบการจัดการและจัดเก็บรายได้
ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังมีความท้าทายเนื่องจากข้อมูล รายการค่าธรรมเนียม ภาษีและค่าบริการอื่น ๆ ที่จะจัดเก็บยังไม่ครบถ้วน 
และปัจจุบันยังจำกัดผู้เข้าใช้ ในระบบเพียงสองกลุ่ม คือ เจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานด้านภาษี และผู้ประกอบการปัจจุบันที่อยู่ในระยะทดลอง 
 ระบบประกอบด้วย ผู้นำเข้าและส่งออกเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียม ภาษี และค่าบริการอื่น ๆ 
หน่วยงานการปกครองท้องถิ่น หน่วยงานป้องกันความสงบ การศึกษาและกีฬา หน่วยงานแถลงข่าว วัฒนธรรม และ การท่องเที่ยว เป็นต้น 

อย่างไรก็ดี หากกระทรวงการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่น FINLINK ให้มีความสมบูรณ์และ
มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยยกระดับการให้บริการด้านการเงินทั้งระบบ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการบริหารจัดการและการจัดเก็บรายได้ของรัฐให้มีความโปร่งใส ไม่รั่วไหล โดยครอบคลุมทั้งการจัดเก็บรายรับภาษีอากรและ
ที่ไม่ใช่ภาษีอากร การจัดเก็บรายรับภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น ๆ นอกเหนือจากกระทรวงการเงิน รวมถึงรายการค่าธรรมเนียม
และค่าบริการที่หน่วยงานท้องถิ่นอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายในการเรียกเก็บเพิ่ม หรือเรียกเก็บเกินกว่าอัตราที่กระทรวงการเงินกำหนด 
ทำให้เกิดการรั่วไหลของการจัดเก็บรายรับ การลงบัญชีของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคธุรกิจด้วย 

ข้อมูลอ้างอิง 

05/08/2023



กลับหน้าหลัก