สภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขผลกระทบของมาตรการสกัดกั้นโรค โควิด 19 ต่อภาคเอกชน

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2563 สภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวได้เสนอให้รัฐบาล สปป. ลาวและคณะเฉพาะกิจที่รับผิดชอบ
ติดตามผลกระทบและการดำเนินการตามนโยบายและมาตรการเพื่อลดผลกระทบของโรคโควิด 19 พิจารณาโดยด่วนเกี่ยวกับ
การขยายเวลาของคำสั่งนายกรัฐมนตรี เลขที่ 06/นย. ว่าด้วยการเพิ่มทวีมาตรการสกัดกั้น ป้องกันการระบาด ควบคุม
และเตรียมความพร้อมรอบด้านเพื่อต้านโรคโควิด 19 ไปจนถึงวันที่ 3 พ.ค. 2563 โดยข้อเรียกร้องมีดังนี้ 

1. ให้รัฐบาลพิจารณาทุกคำร้องของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะโรงงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และโครงการที่อยู่ในและ
นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตเศรษฐกิจเฉพาะที่ได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ตามคำแนะนำของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการผลิตและบริการ เพื่อสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ
สร้างงานให้แก่ประชาชน และลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้มากที่สุด
2. ให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขอุปสรรคด้านการขนส่งสินค้าระหว่างเมืองและแขวงต่าง ๆ โดยเร่งด่วน
3. ให้กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป. ลาว ปรับปรุงแจ้งการเลขที่ 266/ยทข. ที่ห้ามคนจีนขับรถเข้ามา
ใน สปป. ลาวเพื่อขนส่งผลผลิตการเกษตรไปยังจีน เช่น กล้วย อ้อย แตงโม ถั่ว โดยกำหนดให้รถบรรทุกสินค้าของจีน 
ที่ผ่านการตรวจตราแล้วสามารถเข้ามารับสินค้าจากฝั่งลาวได้ โดยขอให้เร่งอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าระหว่าง
ประเทศเพื่อประหยัดเวลาและคงคุณภาพของผลผลิต
4. พิจารณาออกมาตรการเร่งด่วนในการสนับสนุนเงินอุดหนุนแก่แรงงานลาวที่ถูกพักงาน โดยการออกนโยบายสนับสนุน
เงินอุดหนุนให้แก่แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม โดยอ้างอิงสัญญาจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือเอกสารยืนยันการรับเงิน
5. ให้รัฐบาลพิจารณาออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์เลื่อนการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ
หรือผู้ใช้แรงงานออกไป 3 หรือ 6 เดือนตามความเหมาะสม รวมทั้งเสนอให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินปฏิบัติตาม
ข้อตกลงของธนาคารแห่ง สปป. ลาว ฉบับเลขที่ 238/ทหล. ตามความเหมาะสม
6. ให้รัฐบาลพิจารณาออกแจ้งการหรือข้อตกลงให้สถาบันการเงินปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินในวงเงินที่เหมาะสม ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
เป็นพิเศษ โดยมีระยะเวลากู้อย่างน้อย 6 - 12 เดือน และให้รัฐบาลเลื่อนกำหนดการจ่ายภาษีกำไรล่วงหน้าของสถาบันการเงิน
สำหรับไตรมาสที่ 1 และ 2
7. ให้รัฐบาลพิจารณาออกนโยบายผ่อนผันเพื่อกำหนดอัตราภาษี อากร และค่าเช่าที่ดิน สถานประกอบการ และโรงแรม
ในช่วง 6 เดือนเพื่อช่วยลดภาระให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs และแรงงานที่มีรายได้ต่ำ 
8. ให้รัฐบาลออกแจ้งการและเอกสารแนะนำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจให้ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งระดับ
ส่วนกลางและท้องถิ่น รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ในทางปฏิบัติ 
 
ที่มา: เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ลาวพัฒนา วันที่ 17 เม.ย. 2563
https://www.laophattananews.com/archives/71708

04/24/2020



กลับหน้าหลัก