การจัดเก็บภาษีอากร 6 เดือนแรกของปี 2563 ของ สปป. ลาวไม่เป็นไปตามแผน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 นายพูทะนูเพ็ด ไซสมบัด หัวหน้ากรมส่วยสาอากร กระทรวงการเงิน สปป. ลาว เป็นประธานการประชุม
สรุปผลการจัดเก็บภาษีอากรในช่วงต้นปี 2563 คาดการณ์ของปี 2563 และกำหนดแผนจัดเก็บภาษีอากรปี 2564
โดยมีรองหัวหน้ากรมส่วยสาอากร ส่วยสาอากรนครหลวงเวียงจันทน์ และเจ้าหน้าที่กรมส่วยสาอากรเข้าร่วม
ปี 2563 สปป. ลาวตั้งเป้าการจัดเก็บภาษีอากรไว้ที่ 1,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 7.8 ของ GDP (เพิ่มขึ้นจาก
ปีที่ผ่านมาร้อยละ 13.2 หรือประมาณ 181.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งออกเป็นการจัดเก็บของ กรมส่วยสาอากร
946.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 110.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และการจัดเก็บของท้องถิ่น 605.29
ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 70.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
จนถึงวันที่ 20 พ.ค. 2563 สปป. ลาวสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้ 320.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 20.63 ของแผน
ประจำปี 2563 ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 32.85 หรือประมาณ 156.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งออกเป็นการจัดเก็บ
ของกรมส่วยสาอากร 175.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 18.54 ของแผนประจำปี ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 41
หรือประมาณ 122.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการจัดเก็บของท้องถิ่น 144.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 23.89
ของแผนประจำปี ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 19.25 หรือประมาณ 34.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 คาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้ 398.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น ร้อยละ 56.81
ของแผนจัดเก็บภาษี 6 เดือนแรกของปี 2563 ของ สปป. ลาว คิดเป็นร้อยละ 68.4 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
และคิดเป็นร้อยละ 25.7 ของแผนประจำปี 2563 โดยแบ่งออกเป็นการจัดเก็บของ กรมส่วยสาอากร 211.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นร้อยละ 23 ของแผนประจำปี ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 40 หรือประมาณ 138.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการจัดเก็บของ
ท้องถิ่น 187.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30 ของแผนประจำปี ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 19 หรือประมาณ 45
ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2563 คาดว่าจะจัดเก็บภาษีอากรได้ทั้งหมด 1,080 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 69.7
ของแผนประจำปี และคิดเป็นร้อยละ 84.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่ทำให้การจัดเก็บภาษีอากรไม่เป็นไปตามแผนมี 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
1. การปรับปรุงกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปี 2563 ซึ่งส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีบางประเภท เช่น การปรับอัตราภาษี
กำไรจากร้อยละ 24 เป็นร้อยละ 20 การปรับกำหนดเวลาชำระภาษีอากรจากเดิม 4 ครั้งต่อปี เป็น 2 ครั้งต่อปี ทำให้กำหนดการ
ชำระภาษีอากรงวดที่ 3 และ 4 ของปี 2563 เลื่อนออกไปเป็นปี 2564 การปรับฐานภาษีรายได้เงินเดือนจากเดิม 1 ล้านกีบ
(ประมาณ 111.2 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็น 1.3 ล้านกีบ (144.6 ดอลลาร์สหรัฐ) การปรับอัตราภาษีสรรพสามิต เช่น กลุ่มโทรคมนาคม
จากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 5 และค่าอินเทอร์เน็ตจาก ร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 3 นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563
กรมส่วยสาอากรจัดเก็บภาษีอากรจากธุรกิจ บางประเภทลดลง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ประกันภัย โทรคมนาคม โรงแรม
การบริการ การผลิตทั่วไปและการผลิตปูนซีเมนต์ ไฟฟ้า และบุหรี่
2. การดำเนินตามนโยบายเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้รายได้ ของธุรกิจบางประเภท
เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และการออกวีซ่า ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2562 และอาจจะส่งผลกระทบ
ไปถึงช่วงปลายปี 2563 เนื่องจากปัจจุบัน สปป. ลาวยังคงมาตรการปิดด่านชายแดนทั่วประเทศ แม้ว่าในอนาคตจะมีนโยบายผ่อนปรน
ให้เปิดด่านต่าง ๆ แต่คาดว่าธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบินจะยังคงได้รับผลกระทบจากการดำเนินมาตรการปิดประเทศ
ของหลายประเทศทั่วโลก
ที่มา: เว็บไซต์กระทรวงการเงิน สปป. ลาว วันที่ 27 พ.ค. 2563 https://www.mof.gov.la/index.php/2020/05/27/h128/
06/04/2020