มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 และแผนพัฒนากสิกรรมและป่าไม้ ของ สปป. ลาว

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2564 ดร. เพ็ด พมพิพัก รัฐมนตรีกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว ได้ชี้แจง ต่อข้อซักถามของสมาชิกสภา
แห่งชาติลาวเกี่ยวกับมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 และแผนพัฒนากสิกรรมและป่าไม้ ดังนี้

ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 สปป. ลาวมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรประมาณ 890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังกว่า 20 ประเทศ
ทั่วโลก โดยมีจีน ไทย เวียดนาม และสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลัก ซึ่งส่งออกไปจีนกว่า ร้อยละ 80 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่
มันสำปะหลัง กล้วย ยางพารา กาแฟ แตงโม อ้อย และลูกเดือย

ปัจจุบัน สปป. ลาวได้ลงนามในอนุสัญญาข้อกำหนดเงื่อนไขด้านสุขอนามัยพืชและสัตว์กับประเทศต่าง ๆ ได้แก่ จีน 14 รายการ
แบ่งออกเป็นพืช 13 รายการ ได้แก่ (1) ข้าวสาร (2) ข้าวโพด (3) มันสำปะหลัง (ชนิดแห้ง และแป้ง) (4) กล้วย (5) แตงโม (6) มันเทศ
(7) ถั่วฝักยาว (8) ถั่วเหลืองฝักสด (ถั่วแระญี่ปุ่น) (9) ถั่วแขก (10) เสาวรสสด (11) ส้มเปลือกหนา (12) ส้มโอ และ (13) เลมอน
และสัตว์ใหญ่ 1 รายการ คือ โคและกระบือ เวียดนาม 16 รายการ และไทย 15 รายการ (อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมกับไทยอีก
5 รายการ) ดร. เพ็ดฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาเปิดตลาดกับจีนยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย เนื่องจากขั้นตอนการเจรจาใช้เวลา
นานพอสมควร กอปรกับ การระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญจากจีนไม่สามารถเดินทางเข้า สปป. ลาวเพื่อตรวจสอบ
พื้นที่ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ได้

สำหรับความคืบหน้าในการส่งออกสินค้าเกษตรตามโควตาจากจีน ได้แก่ ข้าวสาร 50,000 ตัน/ปี ปัจจุบันสามารถส่งออกได้แล้ว
22,000 ตัน เนื่องจากตลาดของจีนยังมีข้อจำกัดและค่าขนส่งสูง และการส่งออกโคและกระบือ 500,000 ตัว/ปี สามารถส่งออก
ได้เพียง 2,013 ตัว เนื่องจากเกิดโรค Lumpy skin ในสัตว์ ฝ่ายจีนจึงยุติการนำเข้าโคและกระบือชั่วคราว อย่างไรก็ดีปัจจุบัน
ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณากลับมาเปิดตลาดใหม่อีกครั้ง

ด้านแผนพัฒนากสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงกสิกรรมฯ ปัจจุบัน สปป. ลาวนำเข้าสินค้าทางการเกษตร และปัจจัยการผลิต
เป็นส่วนใหญ่ เช่น เมล็ดพืช อาหารสัตว์ ปุ๋ย และปุ๋ยหมัก สปป. ลาวตั้งเป้าการผลิตข้าวเปลือก ในอีก 3 ปีให้ได้อย่างน้อย
3.5 ล้านตันต่อปี โดยแบ่งออกเป็นเพื่อการบริโภค 2.5 ล้านตัน จัดเก็บ 400,000 ตัน ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ 100,000 ตัน 
ส่วนที่เหลือจะใช้ในการผลิตเบียร์และบางส่วนจะขายให้กับต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าการผลิตเนื้อสัตว์ ปลา และไข่จำนวน 531,000 ตัน เพื่อให้ปริมาณการบริโภคเฉลี่ย ต่อหัวอยู่ที่ 
69.8 กิโลกรัมต่อปี และตั้งเป้าสำหรับการผลิตพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่ 261,710 เฮกตาร์ต่อปี โดยจะสามารถเก็บเกี่ยว
ได้ 2.12 ล้านตันต่อปี รวมทั้งจะผลิตปุ๋ย ปุ๋ยหมัก อาหารสัตว์ในท้องถิ่น และแปรรูปพืชเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีสินค้าเพื่อใช้
ภายในประเทศและส่งออกเพื่อสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น

กระทรวงกสิกรรมฯ ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในอีก 3 ปี อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยจะปลูกกาแฟ 
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว กล้วย อ้อย มันสำปะหลัง มันเทศ ชา แตงโม ถั่ว และยางพารา นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ 
เพื่อส่งเสริมและปกป้องผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งจะรวมถึงการลดหย่อนภาษี การปฏิบัติตามสุขอนามัยพืช และการลดปริมาณ
การนำเข้าพืชที่เกษตรกรภายในสามารถปลูกได้ รวมทั้งส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ 
ในขณะเดียวกันจะปรับปรุงคุณภาพและผลผลิตพืชด้วยการใช้เทคโนโลยี มากขึ้น สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การศึกษาข้อมูล
เกี่ยวกับความต้องการของตลาด และนโยบายเกี่ยวกับการนำเข้า ปรับปรุงศูนย์การศึกษาพันธุ์ข้าว เมล็ดพืช และจัดฝึกอบรม
เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในการเกษตรให้แก่กลุ่มผู้ผลิต ในท้องถิ่นให้มากขึ้น

ที่มา: เว็บไซต์ นสพ. เศรษฐกิจการค้า วันที่ 5 พ.ย. 2564 และ นสพ. Vientiane Times วันที่ 10 พ.ย. 2564

11/19/2021



กลับหน้าหลัก