เกาะติดข่าว

โอกาส และความท้าทายของเส้นทางรถไฟลาว - จีนและทางด่วนเวียงจันทน์ - บ่อเต็น

ดร. สะถาบันดิด อินสีเชียงใหม่ รักษาการหัวหน้าสถาบันค้นคว้าเศรษฐกิจแห่งชาติ สปป. ลาว กล่าวว่า โครงการก่อสร้าง
ทางรถไฟลาว – จีน และทางด่วนเวียงจันทน์ – บ่อเต็น นับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล สปป. ลาวในการเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลให้สามารถเชื่อมโยง
ทางบกกับภูมิภาคได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกรูปแบบเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงจำนวนหนึ่งและการสูญเสียผลประโยชน์
ที่คาดว่าจะได้รับ ซึ่งเส้นทางรถไฟและทางด่วนอาจจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ สปป. ลาว และจะทำอย่างไร
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทางรถไฟลาว – จีน และทางด่วนเวียงจันทน์ – บ่อเต็นมากที่สุด โดยสรุปประโยชน์ของเส้นทาง
ดังกล่าวมีดังนี้

1. ผู้คนมีทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบาย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

2. สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนและแรงงานได้เร็วขึ้น ผู้คนไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลอีกต่อไป และสามารถเดินทาง
เพื่อทำธุรกิจในพื้นที่อื่น ๆ ได้

3. นักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจในพื้นที่อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งดังกล่าวจะนำไปสู่การปรับปรุงบริการและ สิ่งอำนวยความสะดวก
ในเมืองที่อยู่ริมเส้นทางรถไฟและทางด่วน

4. เส้นทางเหล่านี้ยังสามารถเชื่อมโยงการค้าร่วมกันระหว่างเมือง เพื่อให้ผู้คนในเมืองหนึ่งสามารถใช้จ่าย ในพื้นที่อื่นได้อย่างง่ายดาย
เช่น สามารถเดินทางจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงได้ในเวลาเพียง 90 นาที

5. กระตุ้นให้มีเขตเมืองมากขึ้นใน สปป. ลาว เนื่องจากต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับจำนวนประชากร อย่างไรก็ตาม
ยังมีประเด็นที่ควรดำเนินการเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ได้แก่ (1) การสร้างถนนที่เชื่อมทางรถไฟ
กับแหล่งผลิตเพื่อให้ขนส่งสินค้าได้สะดวก (2) การบูรณาการด้านโลจิสติกส์ และบริการข้ามพรมแดนเพื่ออำนวยความสะดวก
ในการขนส่งสินค้าทางราง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 การค้าระหว่างจีนและไทยมีมูลค่า 66,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 
หากจีนและประเทศในอาเซียนทำการค้าโดยใช้ ทางรถไฟผ่าน สปป. ลาวจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับ สปป. ลาว
(3) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะมีความสำคัญ อย่างมากต่อการดึงดูดการค้า การลงทุนและเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ และ
(4) การพัฒนาเมืองให้มีความน่าสนใจ และปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ที่มา: นสพ. Vientiane Times วันที่ 5 ม.ค. 2563

01/15/2021



กลับหน้าหลัก