เกาะติดข่าว

การประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าไปจีน

เมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค. 2564 ดร. คำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร
กระทรวงอุตสาหกรรมฯ รองรัฐมนตรีจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง
กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ กระทรวงป้องกันความสงบ รองประธานคณะกรรมการร่วมมือลาว-จีน
เจ้าแขวงและรองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา แผนกที่เกี่ยวข้องของแขวงหลวงน้ำทา สภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว
และภาคเอกชน เข้าร่วมการประชุมปรึกษาหารือ และลงพื้นที่ด่านสากลบ่อเต็นเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าไปจีน

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2564 ดร. คำแพงฯ พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ด่านสากลบ่อเต็น โดยมี นายคำไหล สีปะเสิด เจ้าแขวงหลวงน้ำทา
ให้การต้อนรับและรายงานว่า ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ฝ่ายจีนได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดนับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2564
โดยฝ่ายจีนได้ปิดด่านสากลบ่อหาน จึงทำให้รถขนส่งสินค้าไม่สามารถเข้าจีนได้ คณะพรรคแขวงหลวงน้ำทาได้พยายามประสานงาน
และเจรจากับฝ่ายจีน ผ่านการประชุมระหว่างองค์การปกครองแขวงหลวงน้ำทากับสิบสองปันนา และคณะเฉพาะกิจขั้นแขวงหลวงน้ำทา
กับคณะเฉพาะกิจเมืองหล้าของจีนหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 5 พ.ย. 2564 ฝ่ายจีนจึงเห็นชอบให้ทดลองเปิดด่านสากลบ่อหานอีกครั้ง
โดยเร่งแก้ปัญหารถขนส่งสินค้า และไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้า-ออก ยกเว้นคนสัญชาติจีนที่จะเดินทางกลับประเทศเท่านั้น
จากนั้นคณะฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาตามจุดสำคัญของด่านสากลบ่อเต็น อาทิ สถานีรถไฟบ่อเต็น (จุดแจ้งสินค้า) ช่องทางด่วน
สำหรับการส่งออก คลังพักสินค้าของบริษัท ลาวสากล ไอซีดี (LICD) และบริษัท LS และติดตามการเปลี่ยนคนขับรถขนส่งสินค้า
ที่จุดเปลี่ยนคนขับรถ เพื่อผ่านด่านลาวและจีน

ต่อมา วันที่ 27 ธ.ค. 2564 ดร. คำแพงฯ และนายอ่อนจัน คำพาวง รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา เป็นประธานร่วมการประชุมปรึกษาหารือ
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าไปจีน กระทรวงอุตสาหกรรมฯ ในฐานะคณะกรรมการชี้นำเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวก
ทางด้านการค้าขั้นศูนย์กลาง ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาล สปป. ลาว ให้ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องและแขวงหลวงน้ำทาลงพื้นที่
ติดตามและแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าไปจีนที่ด่านสากลบ่อเต็น

การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อปรึกษาหารือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเกี่ยวกับปัญหาการส่งออกสินค้าไปจีน ซึ่งมี 4 ปัญหา
หลัก ได้แก่ (1) ปัญหารถแออัดที่ด่านสากลบ่อเต็น (2) ความคืบหน้าการเจรจากับฝ่ายจีนเกี่ยวกับรายการสินค้าเกษตรที่สามารถส่งออก
ไปจีน (3) ขั้นตอนการยื่นและปล่อยสินค้าที่ด่านสากลบ่อเต็น และสถานีรถไฟนาเตย และ (4) การบริการยื่นเอกสารศุลกากร และ
การเปลี่ยนถ่ายสินค้า รวมทั้งการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและการบริการที่คลังเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ด่านสากลบ่อเต็น

หัวหน้าด่านสากลบ่อเต็น แจ้งต่อที่ประชุมว่า นับตั้งแต่เกิดปัญหาดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน แขวงหลวงน้ำทาได้จัดการประชุมร่วม
กับคณะเฉพาะกิจเมืองหล้าของจีนเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 โดยเสนอให้ฝ่ายจีนลดการตรวจสอบและระยะเวลาการตรวจสอบสินค้าที่ด่าน
ต่อมาวันที่ 23 ธ.ค. 2564 ทางแขวงหลวงน้ำทาได้รับการแจ้งตอบอย่าง ไม่เป็นทางการว่า ฝ่ายจีนตกลงแก้ไขบางปัญหาโดยเฉพาะ
การเปิดรับรถขนส่งสินค้าไม่ต่ำกว่า 400 คัน/วัน และการฉีดยาฆ่าเชื้อจะดำเนินการให้เร็วกว่าเดิมใช้เวลาประมาณ 3 นาที/คัน
แต่ในการปฏิบัติจริงยังไม่สามารถดำเนินการได้ส่วนการขยายเวลาและการเพิ่มคนขับรถขนส่งสินค้าระหว่างจุดเปลี่ยนคนขับรถ
ถึงด่านสากลบ่อหาน ฝ่ายจีนแจ้งว่าได้เพิ่มจำนวนคนแล้ว

ดร. คำแพงฯ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมฯ เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฝ่ายลาวมีความพยายาม ใน การเจรจากับฝ่ายจีน
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตนขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งร่วมมือกันหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากในเดือน ธ.ค. 2564
ถึงกลางปี 2565 เป็นช่วงระยะเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อส่งออก และการส่งสินค้าตามโควตาประจำปี โดยที่ประชุมได้
เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้

1. เสนอให้คณะเฉพาะกิจที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหารถแออัดที่ด่านสากลบ่อเต็นระหว่างลาวกับจีน คณะร่วมมือลาว-จีน หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องฝ่ายจีน และกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่าง สปป. ลาว กับจีน สานต่อการเจรจาหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
อาทิ การเพิ่มคนขับรถระหว่างด่านกับจุดเปลี่ยนคนขับรถ เพิ่มการอนุญาตให้รถขนส่งสินค้าเข้า - ออกด่านมากขึ้น และขยายเวลา
ทำงานของเจ้าที่ประจำด่าน

2. เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน่วยงานประจำที่ด่านสากล โดยเฉพาะศุลกากร และกักกันพืชและสัตว์ เร่งเตรียมบุคลากร
อุปกรณ์ สร้างและปรับปรุงนิติกรรม เพื่อคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้กับการนำเข้า และส่งออกสินค้าประเภทสินค้าเกษตร
สัตว์ และผลิตภัณฑ์สัตว์ ผ่านทางรถไฟลาว - จีน โดยกำหนดขั้นตอนการยื่นและตรวจสอบสินค้าอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทาง
ในการปฏิบัติงานตามด่านทางบกต่าง ๆ สถานีรถไฟนาเตย และสถานีอื่น ๆ พร้อมทั้งเสนอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประจำด่าน
และสถานีรถไฟปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจปล่อยสินค้าให้ถูกต้องและมีความเท่าเทียมกัน

3. การเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการแจ้งศุลกากรและคลังเปลี่ยนถ่ายสินค้าของบริษัท LS และบริษัท LICD เสนอ
ให้มีขั้นตอนและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้มีความละเอียดและโปร่งใส

4. เสนอให้บริษัททางรถไฟลาว - จีน เร่งเตรียมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สถานีรถไฟที่เป็นจุดใจกลางของภาคเหนือ
อาทิ สถานีเมืองไซ แขวงอุดมไซ สถานีหลวงพระบาง และสถานีอื่น ๆ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องประเมินและเตรียม
ความพร้อมด้านต่าง ๆ ที่สถานีดังกล่าวโดยเร็ว การเปลี่ยนถ่านสินค้าขึ้นรถไฟ อาทิ การประกอบเอกสาร ขั้นตอนการตรวจปล่อย
สินค้าต้องไม่มีขั้นตอนมากเพื่อให้มีความรวดเร็วมากขึ้น

หัวหน้าบริษัทวิสาหกิจรถไฟลาว - จีน รายงานว่า การขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟลาว - จีน บริษัทฯ ยังไม่มีความพร้อมทั้ง
ร้อยละ 100 ตามแผนเดิมบริษัทฯ ได้กำหนดสถานีขนส่งสินค้า 7 แห่ง ปัจจุบันสามารถ ให้บริการได้ 2 แห่ง เพื่อรองรับการขนส่ง
สินค้า ทางบริษัทฯ จำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และอุปกรณ์ นอกจากนี้ ต้องได้มีมาตรการป้องกัน
การระบาดโควิด-19 และความปลอดภัยของขบวนรถ สำหรับการขนส่งสินค้าเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทฯ แต่เนื่องจากว่า
บริษัทฯ ยังใหม่และยังไม่มีความพร้อม ด้านบุคลากร ดังนั้น หลังปีใหม่ บริษัทฯ จะเร่งสร้างความพร้อม สำหรับปริมาณตู้สินค้า
ปัจจุบันบริษัทรถไฟมีแผน จะสั่งซื้อตู้อีก 400 ตู้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้เช่ากับจีน จำนวนกว่า 200 ตู้ โดยการซื้อตู้จะต้องคำนึง
ถึงความต้องการของตลาดอีกด้วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเจรจากับฝ่ายจีนเกี่ยวกับเปิดด่านปางไร เมืองสิง -ด่านซางเหอ เมืองหล้า
ด่านสากลลานตุ้ย แขวงพงสาลี - ด่านเมืองคำ เมืองพูเออ ด่านทางน้ำ (แม่น้ำโขง) และด่านอื่น ๆ ตามที่ภาคเอกชนเสนอ
และช่องทางการขนส่งสินค้าเฉพาะที่ด่านบ่อเต็น-บ่อหาน การระดม ภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนส่งให้สามารถตอบสนอง
รถขนส่งสินค้าของลาวให้เพียงพอ และได้มาตรฐาน เพื่อช่วยระบายรถที่แออัดที่ด่านสากลบ่อเต็น ซึ่งในการเจรจากับฝ่ายจีน
ได้เชิญสภาการค้าและอุตสาหกรรมขั้นส่วนกลาง และท้องถิ่น และภาคเอกชนเข้าร่วม สานต่อการออกนิติกรรมและเผยแพร่
เกี่ยวกับรายการพืชส่งออกไปจีนในแต่ละชนิด หลังจากการลงนามอนุสัญญาการส่งออกพืชไปจีนแล้วเสร็จ เพื่อเป็นข้อมูล
ให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจ ปลูกพืชเพื่อส่งออกไปจีน ทั้งนี้ ผลการประชุมในครั้งนี้ คณะเลขานุการคณะกรรมการอำนวย
ความสะดวกทางด้านการค้าขั้นศูนย์กลางจะนำไปรายงานต่อรัฐบาล เพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเหมาะสม

ที่มา: เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลข่าวสารทางด้านการค้าของ สปป. ลาว วันที่ 28 ธ.ค. 2564
https://www.laotradeportal.gov.la/index.php?r=site/display&id=2431

01/12/2022



กลับหน้าหลัก