นายทองลุนฯ กล่าวว่า สปป. ลาวยังคงเผชิญกับปัญหาขาดดุลในด้านต่าง ๆ รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ ภัยพิบัติและอุทกภัยในปี 2561 

และ 2562 โดยในปี 2562 สปป. ลาวประสบอุทกภัยใน 6 แขวงภาคกลางและภาคใต้ อย่างหนักหน่วงในรอบหลาย 10 ปี และประสบภัยแล้งถึง 

2 ครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวและพืช การเลี้ยงสัตว์ การประมง ตลอดจนกระทบต่อปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา 

นอกจากนี้ ยังเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร การระบาดของหนอนข้าวโพด และการระบาดของโรคไข้เลือดออก 

ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ การผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงการดำเนิน

โครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการบริหารจัดการเศรษฐกิจ
มหภาคของรัฐบาล สปป. ลาว ซึ่งมีความบอบบางอยู่แล้วต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่อย่าง
จำกัดเพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย จึงเป็นที่มาของการคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ 

สปป. ลาวในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 6.4 ซึ่งต่ำกว่าที่สภาแห่งชาติคาดการณ์ไว้ที่ ร้อยละ 6.7 

ที่มา: เว็บไซต์ นสพ. เศรษฐกิจการค้า วันที่ 7 พ.ย. 2562 

https://laoedaily.com.la/2019/11/07/64563/ 

1. ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ในปี 2562 เศรษฐกิจ สปป. ลาวจะขยายตัวร้อยละ 6.5 เพิ่มขึ้นจากในปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 6.3 และจะขยายตัว
ร้อยละ 6.7 และ 6.6 ในปี 2563 และ 2564 ตามลำดับ นอกจากนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า ในปี 2562 และ 2563 เศรษฐกิจ
สปป. ลาวจะขยายตัวประมาณร้อยละ 6.2 ลดลงจากการคาดการณ์ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาไว้ที่ร้อยละ 6.5 

2. การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากความขัดแย้งทางด้านสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ ส่งผลกระทบทั้งทางตรง
และทางอ้อมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคของ สปป. ลาว ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา ที่ช้าลงเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
การเงินและเงินตราขาดสภาพคล่อง ค่าของเงินกีบเมื่อเทียบกับเงินตราสกุลหลักอ่อนค่า และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีความเข้มงวด
มากขึ้น