การประชุมสรุปผลการคุ้มครองการเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงและแนวโน้มปี 2565
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2564 ดร. บุนเหลือ สินไซวอระวง รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป. ลาว เป็นประธานการประชุมสรุป
ผลการคุ้มครองการเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงและแนวโน้มปี 2565 โดยมีหัวหน้ากรม รองหัวหน้ากรม
ผู้แทนกรมที่เกี่ยวข้องขององค์การกวดกาแห่งรัฐ กระทรวงป้องกันความสงบ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า
ธนาคารแห่ง สปป. ลาว ภาษี (ศุลกากร)-ส่วยสาอากรประจำนครหลวงเวียงจันทน์ ด่านภาษีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) และสมาคมน้ำมันเชื้อไฟเข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งขั้นตอน การประสานงาน
การรวบรวมข้อมูล และการแลกเปลี่ยนบทเรียนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และเป็นไปตามกฎหมาย
และนิติกรรมอื่น ๆ ภายใต้กฎหมายที่กระทรวงการเงินกำหนด พร้อมทั้งร่วมกันถอดบทเรียน ปรับปรุงการปฏิบัติงาน
และกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรมในปี 2565
นายวงวันเพ็ง พูมสะหวัน รองหัวหน้ากรมภาษี กระทรวงการเงิน สปป. ลาว ในฐานะคณะชี้นำการตรวจสอบ
และติดตามการนำเข้า และจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้รายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการการนำเข้า และแนวโน้ม
การบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงของศุลกากรต่อที่ประชุมว่าจากผลการปฏิบัติตามดำรัสว่าด้วยธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง
เลขที่ 331/นย. ลงวันที่ 27 ต.ค. 2560 นั้น ในช่วงต้นปี 2564 มีบริษัทนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 11 บริษัท
บริษัทที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศทั้งหมด 14 บริษัท และในช่วงปลายปี 2564
มีบริษัทนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเป็น 14 บริษัท และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ
มีจำนวนเท่าเดิม คือ 14 บริษัท มีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านด่านระหว่างประเทศ 19 ด่าน มีสถานีบริการน้ำมันรายย่อย
ทั่วประเทศทั้งหมด 2,028 สถานี คลังน้ำมันเชื้อเพลิง 158 แห่ง มีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 1,069 ล้านลิตร มูลค่ารวม
576 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถจัดเก็บรายได้ศุลกากรและภาษี 2.5 ล้านล้านกีบ คิดเป็น ร้อยละ 30 ของรายได้จากศุลกากร
และภาษีทั้งหมดของ สปป. ลาว อย่างไรก็ตาม บริษัทนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนมากไม่ได้แยกคลังน้ำมัน
ระหว่างบริษัทนำเข้า-ส่งออก และบริษัทจำหน่ายภายในประเทศอย่างชัดเจน ตามข้อกำหนดในดำรัสว่าด้วยธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง
นายไพทูน เที่ยงละไม รองหัวหน้ากรมส่วยสาอากร กระทรวงการเงิน สปป. ลาว ในฐานะคณะชี้นำ การตรวจสอบและติดตาม
การนำเข้าและจำหน่ายสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงได้รายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการการนำเข้าและแนวโน้มการบริหาร
จัดการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะการชำระค่าธรรมเนียมภาษีประเภทต่าง ๆ ของบริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊ส พร้อมทั้ง
การตรวจสอบบัญชีของบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจก่อน และหลังการประกาศใช้ดำรัสว่าด้วยธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง
ว่า กรมส่วยสาอากรได้ผลักดันให้บริษัทน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าสู่ระบบการถือครองบัญชี ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และการยื่น
และชำระภาษีประเภทต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเข้มงวด รวมทั้งการตรวจสอบบัญชีประจำปีของทั้ง 23
บริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ กรมส่วยสาอากร และแนะนำให้แขวงต่าง ๆ ตรวจสอบบริษัท
ที่ขึ้นกับแขวง และสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อคงค้าง พร้อมทั้งการปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การคุ้มครองบริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพและได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
ที่มา: เว็บไซต์ นสพ. ประชาชน วันที่ 5 ม.ค. 2564
http://www.pasaxon.org.la/pdfs/977305-01-2022
01/14/2022