สปป. ลาว เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านพลังงานเนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย และสามารถพัฒนาพลังงานทดแทนได้ โดยเฉพาะพลังงานน้ำ พลังงานลม รวมถึง พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน พลังงานน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ ใน สปป. ลาว สามารถใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อการใช้ภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะไทยและเวียดนาม
ทำให้ลาวสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกพลังงานไฟฟ้าและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ที่มีแสงแดดมาก และพลังงานลม เช่นบริเวณตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ ยังเป็นโอกาสที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว
“แม้จะเป็นประเทศขนาดกลางในอาเซียน แต่ลาวก็มีศักยภาพที่สำคัญในการเติบโตอย่างเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม” นาย Tetsuya Watanabe ประธานสถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA)
กล่าวระหว่างการหารือ กับนายอุเดด สุวันนาวง และนายบุนเลิด หลวงปะเสิด ประธานและรองประธาน
สภาอุตสาหกรรมและการค้าแห่งชาติลาว (LNCCI) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายาม อย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนโครงการพลังงานหมุนเวียน และแก้ไขภูมิทัศน์ด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน สปป.ลาวรับรองแถลงการณ์ร่วมของผู้นำ Asia Zero Emission Community (AZEC) ที่กรุงโตเกียว โดยให้คำมั่นที่จะดำเนินโครงการ AZEC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้า พลังงานน้ำที่เป็นพลังงานสีเขียวมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน สปป. ลาวมีแผนที่จะผลิตไฟฟ้าพลังน้ำให้ได้มากกว่า 25,000 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ รัฐบาลลาวยังส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ อาทิ พลังงาน แสงอาทิตย์และพลังงานลมด้วย สปป. ลาวยังมีป่าไม้ครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยละ 47 ของประเทศ ป่าไม้เหล่านี้ มีบทบาทสำคัญในการรักษาแหล่งต้นน้ำ และเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่มีค่าอีกด้วย ความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติเหล่านี้ทำให้ สปป.ลาวมีศักยภาพมากในการเติบโตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สปป. ลาว ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 พร้อมกับตั้งเป้าหมายเบื้องต้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ร้อยละ 60 ภายในปี ค.ศ. 2030 เทียบกับระดับปีฐาน 2000 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดโลกร้อนตามพันธกรณีตาม
ความตกลงปารีส (Paris Agreement) คือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 62 ล้านตัน รวมถึงตั้งเป้าหมายให้ภาคพลังงานของประเทศใช้พลังงานหมุนเวียนร้อยละ 30 นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมรวม 1 กิกะวัตต์ (GW) และการผลิตพลังงานชีวมวล 300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2030 ด้วย
การพัฒนาเศรษฐกิจจากพลังงานทดแทนใน สปป. ลาว ยังคงเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะในด้าน
ของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและส่งพลังงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ โครงการพลังงานทดแทน
ในบางพื้นที่อาจประสบปัญหาการขาดแคลนเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือมีข้อจำกัดด้านการเงินและการลงทุน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งพลังงานจากแหล่งผลิตไปยังพื้นที่ที่ต้องการยังไม่เพียงพอ
ซึ่งอาจส่งผลต่อการขยายตัวของพลังงานทดแทน นอกจากนี้ การฝึกอบรมทักษะด้านพลังงานทดแทน และการเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับประชาชนและแรงงานในท้องถิ่นเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาในอนาคตและสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมพลังงาน
สำหรับการส่งเสริมการลงทุน ภาครัฐจำเป็นต้องกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและให้การสนับสนุนแก่ ภาคเอกชนอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนที่มีความยั่งยืน โดยรัฐบาลลาวอาจต้องมีมาตรการทางภาษีที่จูงใจการลงทุนในพลังงานทดแทน เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับโครงการพลังงานที่ใช้เทคโนโลยีสะอาด หรือ การตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะในกรณีที่มีบริษัทต่างประเทศสนใจลงทุน
ในพลังงานชีวมวล แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความไม่แน่นอนของปริมาณวัตถุดิบ และความเหมาะสมของเทคโนโลยีแปรรูปกับวัตถุดิบท้องถิ่น การสนับสนุนการวิจัยในประเด็นสำคัญ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีแปรรูปชีวมวลต้นทุนต่ำที่เหมาะกับบริบทของลาว หรือการสร้างโมเดลธุรกิจที่ส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน และส่งเสริมให้ภาคเอกชนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในภาคพลังงาน
ชีวมวลของประเทศได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
สปป. ลาว มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเศรษฐกิจจากพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานน้ำ แสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเหล่านี้ยังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การเงิน และบุคลากร จึงจำเป็นต้องมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี และกองทุนวิจัยเพื่อส่งเสริมความมั่นใจของนักลงทุนในระยะยาว
ในพลังงานชีวมวล แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความไม่แน่นอนของปริมาณวัตถุดิบ และความเหมาะสมของเทคโนโลยีแปรรูปกับวัตถุดิบท้องถิ่น การสนับสนุนการวิจัยในประเด็นสำคัญ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีแปรรูปชีวมวลต้นทุนต่ำที่เหมาะกับบริบทของลาว หรือการสร้างโมเดลธุรกิจที่ส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน และส่งเสริมให้ภาคเอกชนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในภาคพลังงาน
ชีวมวลของประเทศได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
สปป. ลาว มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเศรษฐกิจจากพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานน้ำ แสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเหล่านี้ยังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การเงิน และบุคลากร จึงจำเป็นต้องมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี และกองทุนวิจัยเพื่อส่งเสริมความมั่นใจของนักลงทุนในระยะยาว