ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพ

Moody’s ปรับลดความน่าเชื่อถือของ สปป. ลาวจาก B3 เป็น Caa2 และปรับลด outlook ของ สปป. ลาวจาก stable เป็น negative

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2563 บริษัท Moody's Investors Service ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาล สปป.ลาว
จาก B3 เป็น Caa2 และปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ สปป. ลาว (outlook) จาก stable เป็น negative โดยประเมินว่า
สปป.ลาวกำลังเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก โดยมีหนี้ที่จะครบกำหนดการชำระในช่วงปี 2563 - 2568
และมีทางเลือกทางการคลังที่จำกัด อีกทั้งได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคโควิด 19 ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ สปป. ลาว
จะผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยง มากขึ้น นอกจากนี้ Moody ยังปรับลดเพดานพันธบัตรสกุล
เงินต่างประเทศระยะยาวของ สปป. ลาวจาก B1 เป็น Caa1 เพดานเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวจาก Caa1 เป็น Caa3
และเพดานเงินฝากสกุลเงินท้องถิ่นระยะยาวและพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นระยะยาวจาก Ba3 เป็น B1 โดยมีเหตุผลและปัจจัยสำคัญ ดังนี้

1. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของรัฐบาล สปป. ลาวที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อกำหนดในการกู้ยืมยังคงอยู่ในระดับปานกลางที่ร้อยละ 13
ของ GDP รวมทั้งรัฐบาลไม่มีกลยุทธ์ในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อชำระหนี้ระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการผิดนัด
ชำระหนี้ โดยในปี 2563 หนี้สินภาครัฐของ สปป. ลาวมีมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นหนี้เงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์และ
การออกพันธบัตรสกุลเงินบาท ซึ่งจะครบกำหนด ชำระในเดือน ก.ย. และ ต.ค. 2563 นอกจากนี้ ในช่วงปี 2564 - 2568 สปป. ลาว
มีหนี้ต้องชำระเฉลี่ย 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รวมถึงเงินต้นพันธบัตรสกุลเงินยูโรมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งจะครบกำหนดชำระในเดือน มิ.ย. 2564

2. ความท้าทายทางด้านการคลังและสภาพแวดล้อมจากปัจจัยภายนอก โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจ สปป. ลาวเติบโตช้าลง และมีแนวโน้ม
จะขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 โดยเฉพาะภาคการผลิตและการท่องเที่ยว
โดยคาดว่าในปี 2563 GDP สปป. ลาวจะหดตัวร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบ เป็นรายปี (จากร้อยละ 6.7 ซึ่งเป็น GDP เฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) 
นอกจากนี้ มาตรการบรรเทาผลกระทบ จากโรคโควิด 19 ต่อธุรกิจรายย่อยและรายบุคคลจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลง
แม้ว่ารัฐบาล จะพยายามลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงแต่การขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 ของ GDP ในปี 2562
เป็นร้อยละ 6.7 ของ GDP ในปี 2563 นอกจากนี้ คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินจะสูงขึ้นจากร้อยละ 58 ของ GDP ในปี 2562 เป็นร้อยละ 64 
ของ GDP ในปี 2565 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เพิ่มขึ้นและการไหลเข้าของ FDI ที่ช้าลงจะส่งผลให้เงินสำรองระหว่างประเทศ
ปี 2563 ลดลงเหลือ 740 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562

3. หากพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารรัฐ ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ สปป. ลาวแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตสินค้าการเกษตร ซึ่งกระทบต่อการเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ภัยแล้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะลดศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ การฟื้นฟูจากภัยพิบัติจะลดความคล่องตัว
ในการบริหารงบประมาณรัฐ นอกจากนี้ การระบาดของโรคโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ อันดับดัชนีสภาวะธรรมาภิบาลโลก (Worldwide Governance Indicators – WGI) ของ
สปป. ลาวที่สูง สะท้อนถึงการฉ้อราษฎร์บังหลวง รวมถึงธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือรัฐบาลที่ยังมีจำกัด

ที่มา: เว็บไซต์ Moody’s วันที่ 14 ส.ค. 2563
https://www.moodys.com/research/Moodys-downgrades-Laoss-rating-to-Caa2-outlook- changed-to-negative--PR_429248

09/11/2020



กลับหน้าหลัก