สปป. ลาวตั้งเป้าส่งออกสินค้าเกษตรในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ 1,200 ล้านตันต่อปี
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2564 นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว รายงานต่อที่ประชุมใหญ่ผู้แทน ทั่วประเทศ ครั้งที่ 11
ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวว่า รัฐบาล สปป. ลาวตั้งเป้าการเติบโตในภาคการเกษตร เฉลี่ยร้อยละ 2.5 คิดเป็นร้อยละ 15.3
ของ GDP ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ใน สปป. ลาวพึ่งพาเกษตรกรรมเพื่อการดำรงชีวิต และถือเป็นแหล่งรายได้หลักของประชากรลาว
ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ รัฐบาล สปป. ลาวจะส่งเสริมภาคการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และปลูกพืชเชิงพาณิชย์ ให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถ
ส่งออกสินค้าเกษตรได้อย่างน้อย 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยตั้งเป้าหมาย ดังนี้
1. ส่งเสริมการปลูกข้าวให้เพียงพอเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 3.54 ล้านตันต่อปี
รวมทั้งปลูกพืชอุตสาหกรรมเพื่อแปรรูปมากขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลังให้ได้ 3.6 ล้านตัน อ้อย 1.6 ล้านตัน และผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
636,900 ตัน กาแฟ 175,500 ตัน และสินค้าเกษตรที่มีตลาดรองรับ เพื่อส่งออกต่างประเทศ ได้แก่ กล้วย 753,580 ตัน แตงโม 150,140 ตัน
มันเทศ 131,220 ตัน และชา 14,000 ตัน อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิอากาศและการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิต
ของพืชบางชนิดไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะข้าว
2. ขยายพันธุ์ปศุสัตว์ การเลี้ยงปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3 - 4 ต่อปี โดยคาดว่าจำนวนกระบือจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1 โคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 สุกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 แพะและสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
ในช่วงปี 2559 - 2563 สปป. ลาวสามารถขยายพันธุ์ปศุสัตว์ได้มากขึ้น โดยมีจำนวนโคเลี้ยงเพิ่มขึ้น จาก 1.92 ล้านตัวในปี 2559
เป็น 2.66 ล้านตัวในปี 2563 การเลี้ยงปลาในฟาร์มเพิ่มขึ้นจาก 106,000 ตันในปี 2559 เป็น 122,000 ตันในปี 2562 และคาดว่า
จะสูงถึง 130,000 ตันในปี 2563
ทั้งนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (2559 - 2563) กำหนดเป้าหมายการเติบโตภาคการเกษตรเฉลี่ยอยู่ที่
ร้อยละ 3.4 ต่อปี อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงภาคการเกษตรขยายตัวเพียงร้อยละ 2.1
ที่มา: นสพ. Vientiane Times 15 ม.ค. 2564
01/22/2021