ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพ

นายกรัฐมนตรี สปป. ลาวสั่งให้เจรจาผลประโยชน์ที่เป็นธรรมในโครงการพลังงานและแร่

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 นายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ได้ออกคำสั่งเลขที่ 18/นย. ว่าด้วยการเพิ่ม
การคุ้มครองและป้องกันการรั่วไหลของรายรับงบประมาณแห่งรัฐ โดยสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มความรับผิดชอบ
ในการเสริมสร้างการจัดการในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของรายรับและเพิ่มรายรับให้กับงบประมาณของรัฐให้มากที่สุด

ในด้านพลังงานและเหมืองแร่ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป. ลาวเจรจากับบริษัทที่ดำเนินโครงการ
ไฟฟ้าพลังน้ำ และโครงการเหมืองแร่ใหม่อีกครั้ง เช่น ธุรกิจแปรรูป ขุดค้น และส่งออกแร่ ซึ่งรวมถึงทอง เหล็ก ทองแดง
แร่ที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง โพแทสเซียม ถ่านหิน และหินปูน เพื่อให้ได้รับการจัดสรรผลประโยชน์ ที่เป็นธรรมจากโครงการดังกล่าว
 รวมทั้งการเจรจากับนักลงทุนเพื่อแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ ที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้านี้ให้สอดคล้อง
กับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เร่งการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว และ ร่วมหารือกับภาคธุรกิจเพื่อสำรวจราคาแร่ในตลาดท้องถิ่น
และตลาดโลก เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมที่ภาคเอกชนต้องจ่ายให้รัฐ

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานฯ ต้องแจ้งข้อมูลสัญญาเช่า สัญญาสัมปทาน และแผนการส่งออกแร่ และพลังงานของบริษัท
ที่ได้รับออกใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษา รับเหมาก่อสร้าง และการขุดค้น ในกิจการเหมืองแร่และพลังงาน
ให้กระทรวงการเงิน สปป. ลาว เพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการและธุรกิจ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในทะเบียนวิสาหกิจ เช่น
การใช้ทรัพยากรของประเทศ การแจกแจงรายได้ การเสียภาษี/ค่าธรรมเนียมให้รัฐ รวมทั้งสร้างกลไกในการจัดการการส่งออก
และนำเข้าอย่างเหมาะสม

คำสั่งฉบับดังกล่าวยังได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บภาษีการส่งออกแร่เพื่อเพิ่มการเก็บรายรับ ให้ได้มากที่สุด
ซึ่งจะเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการคลังของประเทศและเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย
ที่กำหนดไว้ในแผนงบประมาณแห่งรัฐ 5 ปี (ปี 2564 - 2568) และวาระแห่งชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ - การคลัง
ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าให้บรรลุวาระแห่งชาติดังกล่าวภายในปี 2566

ที่มา: นสพ. Vientiane Times 30 ก.ย. 2564.

10/07/2021



กลับหน้าหลัก