รองนายกรัฐมนตรี สปป. ลาวชี้แจงความคืบหน้าการแก้ไขข้อคงค้างประเด็นการลงทุนของรัฐ
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2564 ดร. สอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงแผนการและการลงทุน สปป. ลาว
ได้ชี้แจงต่อข้อซักถามของสมาชิกสภาแห่งชาติลาวเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและข้อคงค้างในประเด็นการลงทุนของรัฐ ว่า
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้หลายโครงการของรัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามลำดับ เช่น
การแต่งตั้งคณะเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบโครงการลงทุนของรัฐ โดยคณะเฉพาะกิจส่วนกลาง จะตรวจสอบโครงการที่มี
มูลค่าตั้งแต่ 10,000 ล้านกีบขึ้นไป และคณะเฉพาะกิจส่วนท้องถิ่นจะตรวจสอบโครงการ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10,000 ล้านกีบ
ซึ่งได้เริ่มตรวจสอบตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 - เม.ย. 2564 แต่สถานการณ์โควิด 19 ทำให้การตรวจสอบมีความล่าช้า
และได้ยุติการตรวจสอบชั่วคราว
คณะเฉพาะกิจส่วนกลางได้ตรวจสอบโครงการลงทุนของรัฐทั้งหมด 1,206 โครงการ มูลค่าการลงทุน 97.83 ล้านล้านกีบ
(ตรวจสอบแล้วเสร็จ 760 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 63 มูลค่า 55.4922 ล้านล้านกีบ) จากการตรวจสอบพบว่ามีโครงการที่มี
มูลค่าไม่ตรงกัน 1.78 ล้านล้านกีบ และ 383,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้อง เรียกเก็บและหักลบออกจากมูลค่าของโครงการ
นอกจากนี้ พบว่ายังมีโครงการที่อยู่นอกแผนงานอีกจำนวนหนึ่ง และอีก 121 โครงการที่มีมูลค่าในสัญญาสูงกว่ามูลค่า
ของโครงการตามที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้กำหนดซึ่งต้องปรับลด
ในขณะเดียวกัน โครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10,000 ล้านกีบ มีทั้งหมด 4,336 โครงการ มูลค่า 11.693 ล้านล้านกีบ ซึ่งคณะเฉพาะกิจ
ส่วนท้องถิ่นได้ตรวจสอบโครงการประเภทดังกล่าวแล้วเสร็จ 1,244 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 28.7 มูลค่า 15,491 ดอลลาร์สหรัฐ
จากการตรวจสอบพบว่า มีโครงการที่มีมูลค่าไม่ตรงกัน 26,380 ล้านกีบ และ 15,491 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องเรียกเก็บ
และหักลบออกจากมูลค่าของโครงการ โดยโครงการนอกแผนมีมูลค่า 23,910 พันล้านกีบ และอีก 62 โครงการที่มีมูลค่า
ในสัญญาสูงกว่ามูลค่าของโครงการตามที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้กำหนด ซึ่งจะต้องเจรจาปรับลดมูลค่าโครงการลง
เพื่อให้มูลค่าโครงการมีความสมเหตุสมผล
ดร. สอนไซฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดทำแผนการลงทุนของรัฐปี 2564 มีการหักลบมูลค่าโครงการของ 141 โครงการ
มูลค่า 1.57 ล้านล้านกีบ รวมทั้งโครงการยังไม่สามารถดำเนินการได้ 50 โครงการ มูลค่า 520,700 ล้านกีบ เนื่องจากข้อมูล
โครงการไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบ ซึ่งกระทรวงแผนการฯ จะร่วมกับองค์การตรวจตราแห่งรัฐและเจ้าของโครงการ
เพื่อดำเนินการหักลบมูลค่าโครงการและติดตามผลการตรวจสอบ และจะรายงานต่อรัฐบาล องค์การตรวจสอบแห่งรัฐ
และองค์การตรวจตราแห่งรัฐต่อไป
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้สินโครงการลงทุนของรัฐ รัฐบาลได้แก้ปัญหาดังกล่าวให้ลดลงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และไม่ส่งผลกระทบ
ต่อการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค โดยได้เพิ่มการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เช่น การแก้ปัญหาหนี้สินด้วย
งบประมาณวงเงินปกติ การอวยหนี้สามแจ และการออกพันธบัตร (ไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มูลค่า 5,000 ล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 99.97
ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 คิดเป็นร้อยละ 82 และจะออกพันธบัตรอีกงวดในช่วงปลายปี 2564)
ในปี 2564 มีโครงการลงทุนของรัฐทั้งหมด 6,669 โครงการ มูลค่าตามสัญญา 76.52 ล้านล้านกีบ (ค้างชำระงานที่แล้วเสร็จ 40.88
ล้านล้านกีบ ซึ่งเป็นโครงการที่ครบกำหนดชำระตามสัญญา 8.65 ล้านล้านกีบ) ในอนาคตรัฐบาล สปป. ลาวจะมุ่งเน้นการแก้ปัญหา
หนี้สินจากโครงการลงทุนของรัฐอย่างเป็นระบบด้วยงบประมาณวงเงินปกติ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาโครงการมูลค่าต่ำกว่า
200 ล้านกีบ ที่ยังค้างชำระแล้ว และในปี 2565 จะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาโครงการมูลค่าต่ำกว่า 300 ล้านกีบ ที่ค้างชำระ พร้อมทั้ง
จะดำเนินนโยบายการแก้ไขหนี้โครงการลงทุนของรัฐอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะ (1) โครงการลงทุนของรัฐที่เกี่ยวกับการผลิต
เพื่อค้ำประกันเสบียงอาหารและการผลิตสินค้า (2) โครงการลงทุนของรัฐที่ยังค้างชำระกับผู้ประกอบการรายใหญ่ (3) การชำระหนี้
ให้กับผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะชำระค่าธรรมเนียมให้กับรัฐ (4) การแก้ปัญหาหนี้สินในโครงการที่มีส่วนลด (5) การเปลี่ยนหนี้
เป็นทุน และ (6) การออกพันธบัตร
ที่มา: นสพ. ประชาชน วันที่ 4 พ.ย. 2564
11/12/2021